โรคซิฟิลิส
โรคซิฟิลิสเกิดจากเชื้อแบคทีเรียเทรโพนีมา พัลลิดัม(Treponema pallidum) มีระยะฟักตัวประมาณ 2 – 4 สัปดาห์จนถึง 3 เดือน ชอบบริเวณที่มีความชื้น ถือเป็นโรคติดต่อจากการสัมผัสเชื้อโดยตรง
โดยเฉพาะซิฟิลิสระยะที่สาม ผู้ป่วยอาจตาบอด ใบหน้าผิดรูป บางรายอาจมีอาการผิดปกติทางระบบประสาทคล้ายคนเสียสติ ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีจนเชื้อฝังลึกอาจเสี่ยงที่จะเสียชีวิต
โรคซิฟิลิสแบ่งออกเป็น 4 ระยะ
ระยะที่ 1 เกิดตุ่มเล็กขนาด 2 – 4 มิลลิเมตร บริเวณอวัยวะตามร่างกาย ริมฝีปาก ลิ้น และหัวนม โดยตุ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนแตก เป็นแผล ไม่มีอาการเจ็บ หากปล่อยทิ้งไว้เชื้อจะเข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบ ระยะนี้เป็นระยะที่ยังไม่แสดงอาการเนื่องจากแผลและอาการต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตจะค่อยๆ หายไป ผู้ป่วยจึงมักนิ่งนอนใจว่าไม่ได้เป็นอะไร
ระยะที่ 2 หลังจากติดเชื้อระยะแรกประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ เชื้อซิฟิลิสในต่อมน้ำเหลืองเริ่มเข้าไปสู่กระแสเลือด ส่งผลให้เกิดผื่นลักษณะเป็นตุ่มนูนขึ้นตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณฝ่ามือและฝ่าเท้า ไม่มีอาการคัน เรียกระยะนี้ว่า “ระยะออกดอก”
บางครั้งอาจพบเนื้อตายเน่า มีน้ำเหลืองไหล ซึ่งมีเชื้อซิฟิลิสปน จึงเป็นระยะติดต่อโรคได้ง่าย แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจไม่แสดงอาการใดๆ มีเพียงไข้ เจ็บคอ หรือปวดเมื่อยตามข้อเท่านั้น ซึ่งเชื้อสามารถสงบอยู่ตามอวัยวะต่างๆ นานหลายปี เพียงแต่ตรวจพบว่ามีผลบวกของเลือดสูงมาก
ระยะที่ 3 เรียกว่าระยะแฝง เป็นช่วงที่ไม่มีอาการ มารดาที่ตั้งครรภ์และเป็นโรคในระยะนี้ เชื้อซิฟิลิสสามารถติดต่อไปยังทารกในครรภ์ได้
ระยะที่ 4 หลังจากได้รับเชื้อในระยะเวลานาน 2 – 30 ปี หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องเชื้อจะทำลายอวัยวะภายใน รวมถึงอาจส่งผลให้ ตาบอด หูหนวก ใบหน้าผิดรูป สมองเสื่อมหรือเสียสติ เป็นอัมพฤกษ์อัมพาต ถ้าเชื้อลามไปถึงหัวใจ จะทำให้หัวใจล้มเหลว และเสียชีวิต
สวัสดีครับ ชื่อ เอก ปัจจุบันอายุ 30 ปี อดีตเคยเป็นซิฟิลิส ขอปิดบังใบหน้า ลองอ่านเรื่องราวของผมดูครับเพื่อประโยชน์ของทุกคน สู้ไปด้วยกันครับ
เมื่อต้นเดือนผมไปบริจาคเลือดที่กาชาด และกลางเดือนกาชาดออกหนังสือแจ้งผลเลือดไม่ชัดเจนสรุปได้ว่า ในการตรวจเบื้องต้นทางห้องปฏิบัติการพบว่าได้ผลไม่ชัดเจน แต่ผลการตรวจต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เชื้อไวรัสตับอักเสบซี และเชื้อเอชไอวีปกติ
ตอนนั้นกังวลเลยว่าจะเป็นอะไรได้อีก หรือเลือดเราไขมันสูง น้ำตาลเยอะ หรือเม็ดเลือดผิดปกติ ไม่ได้คิดถึงโรคร้ายแรงเลยเพราะหนังสือบอกว่าปกติและเดือนนี้ไม่มีอาการแสดงอะไรเลย
หลังจากเหตุการณ์นั้นมา 2 เดือน ผมมีอาการผื่นแดงตามตัว ไม่นูน ไม่คัน ขึ้นแขน ฝ่ามือ ต้นขาสองข้าง และตรงลำตัว แผลที่ปาก ตกใจมาก มีไข้ ปวดหัว เจ็บคอ ลิ้นเป็นฝ้า เจ็บหู หูอื้อ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัวมากๆ
ตัดสินใจไปหารพ.เขาแจ้งผลว่าผลเลือดมีค่าผิดปกติ ผมมีเชื้อซิฟิลิสอยู่ในเลือด ความรู้สึกตอนนั้นมึนไปหมด ช็อกไปหมด เหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะการบริจาคเลือดของผมจะสิ้นสุดลงเพราะจะบริจาคไม่ได้อีกแล้ว
แจ้งว่าน่าจะเข้าระยะที่ 3 หมอแจ้งฉีดยา 3 ครั้ง 3 อาทิตย์ติดต่อกัน หากฉีดไม่ตรงเวลานัดให้เริ่มนับ 1 ใหม่ หลังจากนั้นอาการก็ดีขึ้นบ้างแต่ก็ยังทรงๆอยู่ครับ
หลังจากนั้นผ่านมาสามเดือน ให้มาตรวจเลือดดูผลเลือดอีกครั้ง สรุปยังมีเชื้ออยู่ ผมเครียดกังวลมาก ฉีดยาแล้วทำไมยังไม่หาย แต่ยอมรับว่าช่วงนี้ผมทำงานหนัก เครียดทุกวันด้วย นอนไม่หลับ ทำงานเป็นก่ะ นอนไม่เป็นเวลา ส่งผลให้อาการกำเริบอีกแล้ว
ทั้งผื่น ขึ้นตามฝ่ามือและฝ่าเท้า เป็นแผลริมแข็ง มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ปวดหู วนเวียนเข้าออกรพ.เป็นว่าเล่น เป็นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ผมลองหาวิธีอื่นทุกอย่าง ออกกำลังกาย นอนให้มากขึ้น ทานอาหารคลีน ตัวไหนที่ว่าดี ผมลองซื้อมาลองหมด เสียเงินไปเยอะ ก็ยังกำเริบเหมือนเดิม ตับไต จะพัง หมดแล้ว ท้อ หมดหวัง
ผมลองหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับซิฟิลิสก็ได้มาเจอ (บาลานซ์ยูคอร์) ซึ่งสามารถช่วยได้
ในใจก็ยังลังเลว่าจะได้ผลจริงไหม?แต่ถ้ายังใช้วิธีเดิมๆผลลัพธ์ก็ได้แบบเดิม ถือว่าบำรุงร่างกายละกัน เลยลองสั่งดูครับ
แทบไม่เชื่อ!! ตั้งแต่ทานบาลานซ์ยูเป็นต้นมา… อาการดีขึ้น รู้สึกแข็งแรงขึ้น ทำงานไม่เหนื่อยเหมือนแต่ก่อนครับ
ผมเข้าใจผู้ที่กำลังทรมานกับซิฟิลิสเป็นอย่างดี ซึ่งทำให้เสียทั้งเวลา เสียงาน คุณภาพชีวิตแย่
ขอขอบคุณ(บาลานซ์ยู)มากครับ ทำให้ผมมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น เลยมาบอกต่อยังไม่ต้องเชื่อที่ผมบอก ของแบบนี้ต้องลองเอง เป็นกำลังให้ครับ